กระบวนทัศน์การเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKU Learning Paradigm)

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม และอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 21 มีผลกระทบต่อการผลิตและพัฒนากำลังคนในระดับอุดมศึกษา โดยบัณฑิตในอนาคตจำเป็นต้องมีคุณลักษณะที่ยืดหยุ่น สามารถเรียนรู้ตลอดชีวิต และมีทักษะที่ตอบสนองต่อความต้องการของโลกที่เปลี่ยนแปลง เช่น ความคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และความสามารถในการทำงานร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลาย นอกจากนี้ยังต้องมีความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น การใช้เครื่องมือดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมและการทำงานเป็นทีมในบริบทสากลเพื่อเพิ่มศักยภาพในตลาดแรงงานที่แข่งขันสูง

 

การเปลี่ยนจาก Teaching Paradigm ไปสู่ Learning Paradigm มีหลักการสำคัญที่มุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นศูนย์กลาง โดยอาจารย์เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ มาเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ เช่น การใช้รูปแบบ Flipped Classroom เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถค้นคว้าหาความรู้และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ระบบการเรียนรู้แบบออนไลน์และแพลตฟอร์มการศึกษาที่ช่วยให้นักศึกษาเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเรียนรู้แบบ Learning Paradigm อีกทั้งการพัฒนาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านการทำงานจริงและการแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่ซับซ้อน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการปรับตัวของบัณฑิตในอนาคต

 

KKU Learning Paradigm Framework มีองค์ประกอบหลัก 5 ประการ ได้แก่ การปรับพันธกิจและเป้าหมาย การเปลี่ยนโครงสร้างการเรียนรู้ การบูรณาการเนื้อหาข้ามศาสตร์ การเปลี่ยนบทบาทของอาจารย์ และการเน้นการประเมินเพื่อการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตและความยืดหยุ่นในกระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้นักศึกษาสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบการเรียนรู้ดิจิทัลและการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน ยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาทักษะที่ตอบโจทย์ความต้องการของศตวรรษที่ 21

1. การปรับเปลี่ยนพันธกิจและเป้าหมาย

การเปลี่ยนแปลงจากการถ่ายทอดความรู้สู่การส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากความรู้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพึ่งพาเพียงความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์ในห้องเรียนจึงไม่เพียงพออีกต่อไป มหาวิทยาลัยขอนแก่นจึงมุ่งปรับเปลี่ยนบทบาทของอาจารย์จากผู้ถ่ายทอดความรู้ มาเป็นผู้ออกแบบและอำนวยความสะดวกให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

การจัดการเรียนการสอนแบบ Flipped Classroom เป็นแนวปฏิบัติสำคัญในการปรับเปลี่ยนนี้ โดยนักศึกษาจะศึกษาเนื้อหาพื้นฐานด้วยตนเองผ่านสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ก่อนเข้าชั้นเรียน และใช้เวลาในชั้นเรียนสำหรับการอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในเชิงลึก อาจารย์จะทำหน้าที่กระตุ้นการคิดวิเคราะห์และให้คำแนะนำเมื่อนักศึกษาต้องการความช่วยเหลือ

การปรับเปลี่ยนนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักศึกษา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต นักศึกษาจะเรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้ การประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล และการสังเคราะห์ความรู้ใหม่ด้วยตนเอง ทำให้สามารถปรับตัวและพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

2. การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเรียนรู้

การเปลี่ยนแปลงจากการเน้นการสะสมหน่วยกิตไปสู่การพัฒนาสมรรถนะเป็นการปรับเปลี่ยนที่สำคัญในการตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและสังคม ความสำเร็จในการศึกษาไม่ควรวัดจากจำนวนหน่วยกิตที่สะสมได้เท่านั้น แต่ควรพิจารณาจากความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะในสถานการณ์จริง

การพัฒนาหลักสูตรอิงสมรรถนะเป็นแนวทางสำคัญในการดำเนินการ โดยมีการกำหนดสมรรถนะหลักที่จำเป็นในแต่ละสาขาวิชา และออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ช่วยให้นักศึกษาพัฒนาสมรรถนะเหล่านั้น รวมถึงการจัดให้มีการฝึกงานหรือสหกิจศึกษาที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงในสถานประกอบการ

การปรับเปลี่ยนนี้จะช่วยให้นักศึกษามีความพร้อมในการทำงานมากขึ้น เนื่องจากได้พัฒนาสมรรถนะที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บัณฑิต นักศึกษาจะมีความมั่นใจในการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะในการทำงานจริง และสามารถแสดงให้ผู้จ้างงานเห็นถึงความสามารถที่ตรงกับความต้องการขององค์กร

3. การบูรณาการข้ามศาสตร์

ปัญหาและความท้าทายในโลกปัจจุบันมีความซับซ้อนและต้องการความรู้จากหลากหลายสาขาวิชาในการแก้ไข การจัดการเรียนการสอนแบบแยกส่วนตามสาขาวิชาจึงไม่เพียงพอ มหาวิทยาลัยขอนแก่นจึงมุ่งส่งเสริมการบูรณาการความรู้ข้ามศาสตร์ เพื่อให้นักศึกษาสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างศาสตร์ต่างๆ และสามารถประยุกต์ใช้ความรู้แบบองค์รวมในการแก้ปัญหา

การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบโครงงานบูรณาการเป็นแนวปฏิบัติสำคัญ โดยนักศึกษาจะได้ทำงานร่วมกับเพื่อนต่างสาขาในการแก้ปัญหาจริงจากชุมชนหรือภาคอุตสาหกรรม มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงความรู้จากหลายวิชา และส่งเสริมให้นักศึกษามองปัญหาจากมุมมองที่หลากหลาย

คุณค่าที่นักศึกษาจะได้รับคือความสามารถในการคิดเชิงระบบและการแก้ปัญหาแบบองค์รวม นักศึกษาจะเข้าใจว่าความรู้ในแต่ละศาสตร์ไม่ได้แยกส่วนกัน แต่สามารถนำมาเชื่อมโยงและประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ ทำให้มีความพร้อมในการทำงานในโลกจริงที่ต้องการผู้ที่สามารถบูรณาการความรู้จากหลากหลายสาขาเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

4. การปรับเปลี่ยนบทบาทอาจารย์

การเปลี่ยนแปลงบทบาทของอาจารย์จากผู้สอนเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้และโค้ชเป็นการปรับเปลี่ยนที่สำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก อาจารย์ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดความรู้ แต่ต้องออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ท้าทายและมีความหมาย สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้นักศึกษาค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเอง

การพัฒนาทักษะการเป็นโค้ชและการออกแบบการเรียนรู้เป็นแนวปฏิบัติสำคัญ อาจารย์จะได้รับการอบรมเกี่ยวกับเทคนิคการตั้งคำถาม การให้ข้อมูลป้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ และการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นการคิดขั้นสูง นอกจากนี้ยังมีการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อให้อาจารย์ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และพัฒนาการสอนร่วมกัน

นักศึกษาจะได้รับประโยชน์จากการมีอาจารย์ที่เป็นโค้ชที่เข้าใจและสนับสนุนการเรียนรู้ของตน การได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมจะช่วยให้นักศึกษาเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง และค้นพบวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเอง

5. การปรับเปลี่ยนการประเมินผล

การเปลี่ยนแปลงจากการประเมินผลเพื่อตัดสินไปสู่การประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้เป็นการปรับเปลี่ยนที่สำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การประเมินไม่ควรเป็นเพียงการวัดผลสัมฤทธิ์ปลายภาค แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยให้นักศึกษาทราบจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา

การใช้การประเมินระหว่างเรียน (Formative Assessment) เป็นแนวปฏิบัติสำคัญ โดยมีการให้ข้อมูลป้อนกลับที่ชัดเจนและทันเวลา ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลายเพื่อสะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน และส่งเสริมให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการประเมินตนเองและเพื่อน การประเมินจะเชื่อมโยงกับผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวังและสมรรถนะที่ต้องการพัฒนา

นักศึกษาจะได้รับประโยชน์จากการมีข้อมูลป้อนกลับที่ช่วยในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง การประเมินจะไม่สร้างความกดดันหรือความวิตกกังวล แต่จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักศึกษาเข้าใจพัฒนาการของตนเอง และมีแรงจูงใจในการปรับปรุงการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้น